How the day
การซื้อรถ

มนุษย์เงินเดือนกับการซื้อรถ

มนุษย์เงินเดือนกับการซื้อรถ

การซื้อรถเชื่อได้เลยว่ามีมนุษย์เงินเดือนไม่มากก็น้อยที่หวังและวาดฝันว่าสักวัน ฉันจะต้องซื้อรถและฉันต้องมีรถขับไปทำงาน ไปเที่ยว เพื่อความสะดวกสบาย และเพื่อหน้าตาทางสังคมที่ปฎิเสธไม่ได้หรอกว่ามันทำให้เราค่อนข้างดูดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง ไม่รวมว่าทำให้ดูเป็นคนมีฐานะที่มั่นคง แต่ก็มีอีกหลายคนที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีรถยนต์สักคันเพื่อไว้ใช้ในการเดินทางทำงาน ที่ต้องขับไปกลับระหว่างจังหวัดต่างๆ กับอีกเหตุผลนับร้อย แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลแบบใดก็ตาม เรามาดูกันดีกว่า ว่าการจะออกรถคันหนึ่ง เราจำเป็นต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ก่อนที่จะออกรถมาเป็นของตัวเองสักคันหนึ่ง

1.ราคา และภาระหนี้สินของตนเอง

คงมีคนถามว่าทำไมต้องมาสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย ฉันมีเงินฉันก็ซื้อเลยก็ได้ ทำไมต้องสนใจเรื่องราคาและภาระหนี้สินของตัวเองด้วย แน่นอนว่าคุณอาจมีเงิน แต่คุณอย่างลืมนะว่า หากคุณไม่ทำการสำรวจภาระหนี้สินของคุณเสียก่อน คุณอาจกำลังจะซื้อรถมาให้เป็นภาระของคุณเอง ที่นำไปสู่การเสียเครดิตในตอนจบ ซึ่งหลายคนเป็นมาแล้ว เพราะคิดว่าไม่เป็นไร มีเงินซื้อ ผ่อนอีกหน่อยเป็นอะไรไป …โดยไม่ได้คำนึงว่าตัวเองจริงๆมีภาระอะไรบ้างและควรจะจ่ายซื้อรถแบบไหน

การซื้อรถนั้นมีอยู่สองแบบ นั้นคือซื้อด้วยเงินสด จบในทีเดียว กับซื้อเงินผ่อน ที่ส่วนใหญ่ใช้วิธีนี้กันอยู่ค่อนข้างมาก เรามาดูวิธีคำนวณกัน

  1. หากคุณจะซื้อเงินสด คุณต้องคำนึงว่าตัวเองมีเงินมากเพียงพอที่จะจ่ายมันทีเดียวหรือไม่ โดยอาจแบ่งเงินที่มีอยู่โดยไม่ร่วมกับหนี้สิ้นของคุณ เป็น 3 ส่วน และถ้าราคารถที่คุณต้องการ อยู่ในวง 1 ใน 3 ได้ละก็ คุณก็สามารถซื้อได้เลย เพื่อไม่ให้เป็นภาระเงินผ่อน ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงินอยู่ 1,500,000 บาท แบ่งเป็น 3 ส่วน 1,500,000 ÷ 3 = 500,000 บาท ราคารถที่คุณต้องการ อยู่ในราคา 500,000 บาทพอดี คุณก็ซื้อได้เลย เพื่อไม่ต้องมีภาระจ่ายค่าดอกเบี้ย และไม่เดือดร้อน เพราะคุณยังเหลือเงินอีก 2 ส่วน หรือก็คือ 1,000,000 บาท
  2. หากคุณจะซื้อเงินผ่อน เงินผ่อนต่อเดือน ไม่ควรเกินประมาณ 30% ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ตัวอย่างเช่น คุณมีเงินเดือนอยู่ที่ 15,000 บาท ก็ไม่ควรผ่อนเกินเดือนละ 15,000 x 30% = 4,500 บาท ในกรณีที่คุณไม่มีหนี้สินใด ๆเลย

การซื้อรถ

แต่! หากคุณมีหนี้ค่าบ้านด้วย ยอดเงินผ่อนหนี้สินทั้งหมดต่อเดือน ก็ไม่ควรเกิน 40 % ของรายได้ต่อเดือน ตัวอย่างเช่น คุณมีเงินเดือนอยู่ที่ 15,000 บาท ก็ไม่ควรผ่อนเกินเดือนละ 15,000 x 40% = 6,000 บาท นั้นแปลว่าค่าบ้านกับค่ารถคุณก็ไม่ควรจ่ายรวมกันเกิน 6,000 บาทนั้นเอง

เชื่อว่ามาถึงตรงนี้ต้องมีคนถามว่าอย่างนั้นแล้วราคารถที่เหมาะสมที่เราสามารถซื้อได้ ควรอยู่ในราคาเท่าไรล่ะ วิธีคำนวณอย่างง่ายๆก็คือ

ราคารถที่เหมาะสม = (เงินผ่อนต่อเดือน x จำนวนเดือนที่จะผ่อน)÷(1+ดอกเบี้ย) x % ยอดเงินกู้)

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 4,500 บาท และจะผ่อน 6 ปี (72 เดือน) ดอกเบี้ยกู้รถอยู่ที่ 3.50% ต่อปี และจะกู้ 90 % ของราคารถ (ดาวน์ 10%) ดังนั้น ราคารถที่เหมาะสม ไม่ควรจะเกิน

(4,500 x 72 )÷[(1+0.035) x 0.90] = 347,826 บาท ตีกลมๆ 348,000 บาท นั้นเอง

2.ค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากนั้น

ค่าใช้จ่ายที่จะต้องอยู่กับรถเรานั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ราคาที่ซื้อมา หรือราคาที่เราต้องผ่อนออกไปในทุกเดือนเท่านั้น เพราะมันยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย เช่น

  1. ค่าพ.ร.บ.และประกันรถยนต์ โดยส่วนของค่าพ.ร.บ จะอยู่ประมาณ 600 -1,200 บาทต่อปี ส่วนประกันรถยนต์นั้นมีหลากหลายให้เลือกแล้วแต่ละบริษัทที่จะเสนอมา ซึ่งอันนี้คงต้องแล้วแต่ผู้ซื้อที่จะเลือกดูความเหมาะสมอีกทีหนึ่ง
  2. ค่าต่อทะเบียนรายปี ซึ่งจะอยู่ประมาณ 1,500-3,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์
  3. ค่าบำรุงรักษา ที่อาจจะเริ่มต้นตั้งแต่ 5,000 บาท แต่ในช่วงปีแรกถ้าซื้อรถใหม่มาก็ไม่ค่อยจะมีปัญหานัก
  4. ค่าเปลี่ยนยาง จะมีค่าใช้จายส่วนนี้ในทุกๆ 2 ปี หรือเมื่อรถถูกใช้งานวิ่งไปประมาณ 50,000 กิโลเมตร หรือยางล้อเริ่มที่จะไม่มีดอกยางแล้ว ซึ่งก็อยู่ราคาโดยประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อยาง 4 เส้น หรือ 4 ล้อนั้นเอง
  5. ค่าน้ำมัน ที่ต้องดูแล้วแต่ชนิดของน้ำมันทีเติม และระยะทางที่ใช้ในการเดินทางระหว่างบ้านกับที่ทำงานของตัวผู้ใช้เอง
  6. ค่าทางด่วน
  7. ค่าที่จอดรถรายเดือน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแล้วแต่อาคารที่เราเอารถเข้าไปจอด ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 800 บาท
  8. ค่าล้างรถ ซึ่งสำหรับใครที่คิดว่าไม่เป็นไรฉันล้างด้วยตัวเองได้ ก็ให้คิดถึงค่าฟองน้ำ ค่าน้ำยาล้างรถ และค่าน้ำบวกไปคราวๆ โดยประมาณ

3.จุดประสงค์ที่จะซื้อมา

ข้อนี้ต้องเริ่มหลังจากที่เราคิดคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้สิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆในข้อ 2 หากคิดว่ารับได้ ไหวแน่นอนแล้ว เราก็มาเริ่มต่อที่ข้อนี้เพื่อให้หาทิศทางให้มั่นใจว่าเราซื้อรถยนต์มาแล้ว มันจะคุ้มค่ากับการซื้อของเรา และอาจช่วยให้เราเลือกขนาดของตัวรถที่จะใช้งานได้ง่ายขึ้น

4.หาข้อมูลให้มากที่สุด

ข้อนี้เป็นอีกข้อที่สำคัญ ก่อนที่เราจะซื้อรถสักคัน หลังจากรู้ทุกอย่างในส่วนของตนเองเรียบร้อยและคิดว่าตัวเองอยากได้รถแบบไหน ขนาดใดเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องเริ่มมาดูกันว่ารถยี่ห้ออะไรที่เหมาะสมกับเรา มีศูนย์บริการดีไหม รถมีปัญหาหรือไม่ มีความทนทานขนาดไหน กินน้ำมันมากหรือน้อยเท่าไร มีระบบอะไรบ้าง หาให้หมด หาให้ครบ หาจนแน่ใจแล้วว่าจะเอารุ่นนี้ ยี่ห้อนี้ แน่นอน

5.ซื้อรถจากโชว์รูมรถที่ใกล้บ้านที่สุด

คงมีคำถามว่าทำไมถึงให้เลือกซื้อรถจากโชว์รูมใกล้บ้าน เหตุผลก็เพราะว่า เราจะได้รับการดูแลอย่างดีเป็นประจำจากทางโชว์รูม และเมื่อมีปัญหาอะไรเราสามารถที่จะเดินทางเข้าไปซ่อมแซมหรือรับรถได้ในเวลาไม่นาน ถึงแม้ว่าการที่เลือกซื้อรถจากข้อเสนอของทางโชว์รูมจะสำคัญ แต่ว่ามันก็ยังมีราคากลางที่ทำให้ทุกๆที่เหมือนกันอยู่ดี อยู่ที่ผู้ซื้ออย่างเราแล้วล่ะที่จะเจรจาอย่างไรให้เราได้ของแถมหรือข้อเสนอจากเซลล์ที่ขายรถให้กับเราได้คุ้มที่สุด

6.ทดลองขับ

ต่อให้เราบอกว่าเราจะเอารถรุ่นนี้แล้วก็ตาม แต่มันก็น่าจะลองขับรถอีกสักนิดเพื่อดูว่าเมื่อเวลาเราขับรถจริง ๆในชีวิตประจำวันนั้น เราสามารถขับมันได้อย่างสบายใจหรือไม่ การเข้าโค้งของมันดีจริงอย่างที่พูดไหม ระบบเบรกล่ะ ควรที่จะลองสักนิด ก่อนที่จะตกลงในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อความมั่นใจ มันก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือ?

7.ต่อรอง

เมื่อมั่นใจในทั้งหมดแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนต่อรอง ที่ตอนนี้เราจะพูดคุยกับเซลล์ของทางโชว์รูม ว่ามีข้อเสนออะไรน่าสนใจ และมีของแถม หรือบริการใดส่งเสริมการขายให้แก่เราบ้าง แนะนำให้ค่อยๆฟัง ใจเย็นๆไม่ต้องรีบร้อน พิจารณาอย่างถี่ถ้วน เมื่อมาขนาดนี้แล้ว อดทนและคิดอีกสักนิดอย่างมีสติ เพื่อความมั่นใจ แน่นอนว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องใช้วาทะศิลป์สักหน่อย เพื่อให้คุณเหนือกว่าและได้ของที่ดีจริง ๆ

8.ตรวจสอบไฟแนนซ์ และค่าใช้จ่ายที่แฝงเข้ามา

ก่อนที่คุณจะเซ็นซื้อรถยนต์ หรือผ่อนมัน ก็ควรจะตรวจสอบให้ละเอียดสำหรับคนซื้อรถยนต์ด้วยเงินสดไม่ค่อยจะมีปัญหามากนัก หากแต่สำหรับคนที่ซื้อเงินผ่อน คุณควรจะตรวจสอบจนแน่ใจว่าดอกเบี้ย เงินดาวน์ เงินผ่อน ทั้งหมด เป็นไปตามอย่างที่คุณคิดเอาไว้หรือไม่ และตกลงกันไว้หรือเปล่า ในขณะเดียวกันก็ให้สังเกตค่าใช้จ่ายแอบแฝงให้ดี ซึ่งมันอาจจะเป็นค่าจดทะเบียน มัดจำป้าย หรือจิปาถะต่าง ๆ ซึ่งส่วนนี้คุณควรพิจารณาให้ดี เพื่อจะเป็นส่วนช่วยลดค่าใช้จ่ายของคุณไม่มากก็น้อย

แนะนำ Website สำหรับเรื่องรถ –> http://www.9carthai.com/

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับคำแนะนำทั้ง 8 ข้อที่ได้กล่าวจบไป ผู้เขียนหวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่านทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือบุคคลทั่วไป ไม่มากก็น้อย ผู้เขียนต้องขอย้ำอีกครั้งสำหรับท่านที่คิดจะซื้อรถยนต์คันใหม่เข้าบ้านของท่าน ว่าให้ท่านคิดและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจซื้อมา โดยพยายามหาประโยชน์จากการซื้อให้ได้มากที่สุด และไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อน เพราะรถยนต์เป็นสิ่งที่ซื้อมาและต้องใช้ หากไม่ใช้และปล่อยไว้เฉยๆเท่ากับเสียเปล่า ไม่มีประโยชน์ ผู้เขียนขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน โชคดี…สวัสดีค่ะ

 

อ่านบทความต่อได้ที่ www.howtheday.com

 

 

Facebook Comments